วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557

เรื่องที่5จิตรกรรมแผง(Panel Painting)

จิตรกรรมเเผง
จิตรกรรมแผง (ภาษาอังกฤษ: Panel painting) คือการเขียนภาพบนแผ่นไม้ อาจจะเป็นแผ่นเดียวหรือหลายแผ่นเชื่อมต่อกันเป็นเนื้อเดียว ซึ่งแตกต่างกับบานพับภาพที่จะแยกจากกัน (บานพับภาพ มักรวมเรียกเป็นส่วนหนึ่งของ จิตรกรรมแผง) แผ่นไม้ใช้เป็นพื้นสำหรับวาดภาพจนกระทั่งถูกแทนที่ด้วยผ้าใบในคริสต์ศตวรรษที่ 16 นอกเหนือไปจากการวาดบนผนัง หรือบนหนังสัตว์ ซี่งวัสดุชนิดหลังนี้นิยมใช้ในการวาดหนังสือวิจิตร หรือเขียนภาพสำหรับใส่กรอบ
ประวัติ
จิตรกรรมแผงเป็นวิธีการเขียนภาพที่เก่าแก่ และทรงคุณค่าตั้งแต่สมัยกรีก-โรมัน แต่มีหลงเหลือมาถึงปัจจุบันน้อยมาก จิตรกรรมแผงเซ็ทที่เก่าทื่สุดเป็นของกรีก มีอายุ 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีชื่อว่า “จิตรกรรมแผงพิทซา” (Pitsa panels) พบที่พิทซา ในประเทศกรีซ จิตรกรรมแผงที่เก่าแก่อีกเซ็ทของประเทศอียิปต์มีชื่อว่า “ภาพเพอร์เทรตมัมมี่ที่ฟายุม” (Fayum mummy portraits) เป็นภาพเหมือนบุคคลซึ่งแปะไว้กับศพในสภาพมัมมี่ มีอายุอยู่ในช่วงหนึ่งร้อยปีก่อนคริสต์ศักราชจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 3 พบราว 900 ภาพ และยังอยู่ในสภาพที่ดีมาก ทำให้เราได้เห็นสไตล์การวาดภาพในยุคจักรวรรดิโรมัน นอกจากนี้ยังพบจิตรกรรมแผงเก่าแก่อึกภาพจากอียิปต์ชื่อว่า “เซเวอรัน ทอนโด” (Severan Tondo) (วาดในราวคริสต์ศักราช 200) เป็นภาพเขียนสไตล์กรีก-โรมัน (Greco-Roman) ที่ไม่ใช่ภาพที่เกี่ยวกับศพ
ไม้เป็นวัสดุที่นิยมใช้สำหรับทำรูปสัญญลักษณ์ (icon) ของศิลปะไบแซนไทน์ และของออร์โธด็อกซ์ งานเก่าที่สุดที่พบคืองานที่สำนักสงฆ์เซนต์แคทเธอรินที่ภูเขาไซนาย (Saint Catherine's Monastery, Mount Sinai) มีอายุในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5 หรือ 6 เทคนิคที่นิยมใช้วาดคือ สีฝุ่นเท็มเพอรา (Tempera) หรือ สีจากขี้ผึ้งร้อน (Encaustic) แต่สีจากขี้ผึ้งร้อนก็หมดความนิยมในช่วงต้นยุคไบแซนไทน์

เรื่องที่4การเขียนจิตรกรรมฝาผนัง (Fresco Painting)

จิตรกรรมฝาผนัง
จิตรกรรมฝาผนัง (ภาษาอังกฤษ: Mural painting) คือภาพเขียนหลายชนิดที่เขียนบนปูนบนผนังหรือเพดาน เทคนิคที่นิยมกัน คือ การวาดภาพบนผนังปูนปลาสเตอร์เปียก (fresco) โดยที่คำว่า “fresco” มาจากภาษาอิตาลี “affresco” ซึ่งมาจากคำว่า “fresco” หรือ “สด” รากศัพท์มาจากภาษาเยอรมัน
ชนิดของจิตกรรมฝาผนัง

จิตรกรรมปูนเปียก

จิตรกรรมฝาผนังแบบปูนเปียก (Buon fresco) เป็นวิธีที่ใช้สีผสมน้ำแล้ววาดลงบนปูนปลาสเตอร์ หรือ lime mortar ที่ปาดไว้บางๆบนผนังที่ภาษาอิตาลีเรียกว่า“อินโทนาโค” เมื่อทาสีลงไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้อะไรทาเคลือบให้สีติดเพราะปูนปลาสเตอร์จะมีปฏิกิริยาเคมีกับสีติดปูน เมื่อทาสีจะซึมลงไปในปูนที่ยังชื้นพอปูนแห้งก็จะมีปฏิกิริยาเคมีกับอากาศทำให้สีติดผนังได้อย่างถาวร ผู้ที่ใช้วิธีเขียนจิตรกรรมฝาผนังโดยใช้วิธีนี้คือไอแซ็ค มาสเตอร์ที่ชั้นบนของมหาวิหารเซนต์ฟรานซิสแห่งอาซิซิที่อาซิซิ ประเทศอิตาลี
จิตรกรรมฝาผนังแบบปูนแห้ง (A Secco) จะตรงกันข้ามคือจะวาดบนปูนแห้ง (“Secco” ในภาษาอิตาลีแปลว่า แห้ง) วิธีนี้จิตรกรจะผสมสีกับสารที่ทำให้ติดผนังเช่นไข่ (ที่เรียกว่า “เทมเพอรา”) กาว หรือ น้ำมัน เพื่อให้สียึดติดกับผนัง สิ่งที่ควรจะสังเกตคือความแตกต่างระหว่างจิตรกรรมปูนแห้งที่วาดทับบนจิตรกรรมปูนเปียกซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันทั่วไปตั้งแต่ยุคกลางเป็นต้นมา และจิตรกรรมปูนแห้งที่วาดบนผนังเปล่า
ตามปกติแล้วจิตรกรรมปูนเปียกจะทนทานกว่าจิตรกรรมปูนแห้งที่มาวาดทับภายหลังเพราะจิตรกรรมปูนแห้งจะติดผนังที่ไม่เรียบได้ดีกว่าผนังที่เรียบ บางครั้งจิตรกรจะใช้วิธีหลังนี้เพื่อเติมรายละเอียดหรือเพราะบางสีไม่สามารถทำได้จากวิธีแรกเพราะปฏิกิริยาเคมีของปูนที่มีด่างโดยเฉพาะสีน้ำเงิน เสื้อคลุมที่เป็นสีน้ำเงินของจิตรกรรมปูนเปียกจะมาเติมด้วยวิธีหลังให้สีเข้มขึ้นเพราะทั้งสีน้ำเงิน azurite และสีน้ำเงิน “ลาพิส ลาซูไล” จะออกมาไม่สวยเมื่อใช้ปูนเปียก[1]
จากการวิจัยพบว่าจิตรกรสมัยเรอเนซองส์ตอนต้นมักจะใช้วาดบนปูนแห้งเพื่อจะให้ได้สีที่หลากหลายกว่าปูนเปียก งานที่ทำด้วยวิธีนี้ในสมัยแรกๆ สูญหายไปเกือบหมด แต่งานที่ทำบนผิวผนังที่ทำให้หยาบเพื่อให้สีติดจะยังคงเหลืออยู่บ้าง แต่สิ่งที่เป็นอันตรายต่อจิตรกรรมฝาผนังมากที่สุดก็เห็นจะเป็นความชื้น

จิตรกรรมปูนชื้น

วิธีที่สามเรียกว่า จิตรกรรมปูนชื้น หรือ “mezzo-fresco” วิธีนี้จิตรกรจะวาดรูปบนผนังปูนที่ใกล้จะแห้ง-ตามที่อิกนาซิโอ พ็อซโซอธิบายไว้เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 16 ว่าเพื่อจะพอให้สีซึมลงไปในเนื้อปูนเพียงเล็กน้อย พอมาถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 วิธีนี้ก็ใช้แทนที่จิตรกรรมปูนเปียกเป็นส่วนใหญ่ จิตรกรที่ใช้วิธีนี้ก็มีจิโอวานนิ บัตติสตา ติเอโปโล
ระหว่างสามวิธีนี้ งานที่ทำโดยวิธีปูนแห้งล้วนจะทำได้เร็วกว่าวิธีอื่น ถ้ามีอะไรผิดก็แก้ง่ายและความแตกต่างของสีที่ทาลงไปกับเวลาที่สีแห้งจะน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีอื่น

จิตรกรรมฝาผนังในประวัติศาสตร์

งานจิตรกรรมฝาผนังแรกที่สุดสร้างเมื่อ 1500 ก่อนคริสต์ศักราชที่พบที่เกาะครีต ใน ประเทศกรีซชิ้นที่สำคัญที่สุดเรียกว่า “The Toreador” ซึ่งเป็นเรื่องราวของพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่คนกระโดดข้ามหลังวัว งานชิ้นอื่นๆที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ก็มีพบในบริเวณเมดิเตอร์เรเนียนโดยเฉพาะใน ประเทศอียิปต์ และประเทศโมร็อกโก งานจิตรกรรมฝาผนังที่พบมากในประเทศอียิปต์ก็เป็นงานที่พบในสุสานที่ฝังศพและจะใช้วิธีวาดบนปูนแห้ง แต่ที่มาของจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้ยังเป็นที่สันนิษฐานกันอยู่
นักประวัติศาสตร์บางท่านก็เชื่อว่าจิตรกรจากครีตอาจจะถูกส่งไปวาดตามที่ต่างเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนทางการค้าหรืออาจจะเป็นการส่งเสริมความสำคัญของศิลปะลักษณะนี้ซึ่งถือว่าเป็นศิลปะสำคัญของสมัยนั้นก็ได้
นอกจากนั้นจิตรกรรมฝาผนังยังเห็นได้จากสถาปัตยกรรมกรีก (Ancient Greece architecture) แต่ที่ยังเหลืออยู่ทุกวันนี้เกือบหาไม่ได้ ที่มีก็พบทางตอนใต้ของอิตาลีที่เพสตุม (Paestum) ที่มันยาเกรเซีย (Magna Graecia) ซึ่งเป็นอาณานิคมกรีก จิตรกรรมที่พบเมื่อปี ค.ศ. 1968 ก็อยู่ภายในที่ฝังศพวาดมาตั้งแต่ 470 ปีก่อนคริสต์ศักราชที่เรียกว่า “ที่ฝังศพของนักดำน้ำ” (Tomb of the Diver) ฉากที่วาดมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากเพราะเป็นการแสดงให้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนสมัยนั้น อีกภาพหนึ่งแสดงให้เห็นคนกลุ่มหนึ่งนอนเอนอย่างพบประสังสรรค์กัน อีกภาพหนึ่งเป็นภาพชายหนุ่มกระโดดลงไปในทะเล

เรื่องที่3การเขียนภาพสีอะคริลิค (Acrylic Painting)

การระบายสีอะครีลิค
คุณลักษาณะของสีอะครีลิคเป็นสีทึบแสง แห้งไว เวลาเทผสมสีก็ให้เทโดยประมาณ ขี้เหนียวไว้น่ะดีแล้ว เทเยอะใช้ไม่หมดก็เสียดาย เมื่อเทใส่จานสีแล้ว อย่าเพิ่งใช้พู่กันจุ่มสีป้ายเลย ให้ผสมน้ำนิดหน่อยก่อนที่จะป้ายลงผืนผ้าใบ หากจะระบายพื้นเรียบ ให้ระบายปาดไปเพียงครั้งหรือสองครั้งก็น่าจะพอ แต่ถ้าระบายซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ อาจจะเจอสีกระดำกระด่าง
 อย่างที่บอกว่าสีอะครีลิคเป็นสีทึบแสง ไม่เหมือนกับสีน้ำซึ่งเป็นแบบโปร่งแสง ดังนั้นเมื่อระบายลงบนผ้าใบ จะทับเส้นดินสอที่ได้ร่างไว้ บางครั้งก็งงเหมือนกัน ยิ่งมือใหม่หัดวาดด้วยแล้ว อาจเจอปัญหาโครงร่างของภาพอยู่ไหน ?
        แต่ถ้าใครรู้และเข้าใจเทคนิคการใช้สีอะคริลิกจนถึงขั้นแล้ว คาดว่าคงไม่เกิดปัญหาส่วนเทคนิคการระบายacrylicแบบระดับสูง ไม่ต่างอะไรมากนักกับเทคนิคการระบายสีน้ำ สามารถเพิ่มไล่เฉดสี เพิ่มน้ำหนักแสงเงาได้ แต่ผมยังไม่กล้าลองเทคนิคที่ว่านี้เลย ขอเลือกที่จะระบายแบบสีพื้นเฉดเดียวไปก่อน สีพื้นฐาน : การใช้สีในช่วงแรกควรใช้สีที่หลากหลายคล้ายสีรุ้ง สมดุลระหว่างสีโปร่งใสและสีทึบแสง และ ระหว่างสีเข้มและสีอ่อน ควรคำนึงถึงสีคงทน ราคาไม่สูงเกินไป โดยทั่วไปแล้วใช้ประมาณสิบสองสี และเพิ่มขึ้นในกรณีที่ต้องการใช้สีพิเศษเฉพาะสีใดสีหนึ่ง สีเพิ่มเติม สำหรับการสร้างสรรค์ที่พิเศษมากยิ่งขึ้น เมื่อต้องการเลือกสีเพิ่มขึ้น คู่มือชาร์ทสี(แต่ละยี่ห้อจะแตกต่างกัน) และคู่มือวัสดุอุปกรณ์จะมีมากมาย
          หลังวาดภาพเสร็จ จานสีต้องล้างเลย จะเก็บสีคั่งค้างติดจาน แล้วค่อยมาผสมน้ำวาดใหม่เหมือนกับสีน้ำไม่ได้นะครับ และยิ่งพู่กันก็ต้องรีบล้างให้สะอาด ขืนปล่อยทิ้งไว้ บอกได้เลยพู่กันอาจถึงขั้นพิการ ใช้งานไม่ได้ ต้องทิ้ง นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่ค่อยจะอยากวาดภาพด้วยสีอะคริลิกเท่าใดนัก เพราะขี้เกียจเก็บล้างนั่นเอง แม้จะยุ่งยากไปบ้าง แต่นานๆ ครั้งได้หยิบจับสีอะคริลิกมาวาดก็รู้สึกสนุก เพราะสีอะคริลิกสร้างสรรค์บนชิ้นงานได้หลายรูปแบบ สร้างความเพลิดเพลิน ไม่ว่าจะบนกรอบผ้าใบแคนวาส สร้างสรรค์งานเสร็จหากมั่นใจว่าสวยก็พร้อมที่จะติดบนผนังโชว์ได้เลย โดยไม่ต้องจ่ายตังค์มากเลย
          จากบทความนี้ เป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น คุณสามารถไปทดลองได้
โดยสั้งซื้อสีอะครีลิค 
BEE ได้ในเว็บเรา คลิก!!! ซื้อสีอะครีลิค

เรื่องที่2การเขียนภาพสีน้ำมัน (Oil Painting)

การเขียนภาพสีนํ้ามัน
สีน้ำมัน (Oil color)
 เป็นสีที่นิยมใช้ในงาน ศิลปะ มากว่า 500 ปี สืบเนื่องจากการที่มนุษย์ต้องการให้ภาพวาดของตนมีความคงทนถาวรมากกว่าการใช้น้ำผสมสี จึงมีการคิดนำเอาเนื้อสี จากธรรมชาติมาผสมกับน้ำมัน ศิลปินในอดีตนิยมใช้สีน้ำมันเนื่องจากมีความคงทน เก็บรักษาได้นานนับร้อยปี และเมื่อมีบริษัทผู้ผลิตคิดนำสีน้ำมันมาบรรจุหลอดขาย ก็ยิ่งทำให้การใช้งานสะดวกสบายขึ้น สีน้ำมันจึงเป็นที่นิยมของเหล่าศิลปินมาจนทุกวันนี้ 
วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการเขียนภาพสีน้ำมัน
 1.สีน้ำมัน (Oil color) ได้จากการนำผงสี มาผสมกับขี้ผึ้ง (beeswax) และน้ำมันที่สกัดจากพืช อาทิ safflower oil, popyseed oil, soybean oil เป็นต้น ปัจจุบันเราสามารถซื้อ สีน้ำมัน ที่บรรจุหลอดมาใช้ได้เลย ตัว สีน้ำมัน เองคือวัสดุหลักในการให้รูปทรง แสงเงา สีสันในการแสดงออกบนแผ่นระนาบรองรับ
    2.ตัวทำละลาย สีน้ำมันสามารถละลายได้ในน้ำมันหลายชนิด แต่ที่นิยมใช้กันมีอยู่ 3 ชนิดคือ
         2.1 น้ำมันลินสีด (linseed oil) สกัดจากเมล็ดต้นแฟล็คซ์ (flax) ต้นไม้ที่เอาเส้นใย มาทำผ้าลินิน คุณสมบัติของน้ำมันลินสีด จะทำให้สีลื่นระบายได้ง่าย เมื่อแห้งแล้วจะมีลักษณะเป็นฟิล์มบาง ๆ เคลือบผิวภาพ ทำให้ภาพสีน้ำมันมีลักษณะมันเงาและทนทานมากขึ้น และยังเป็นตัวทำละลายที่นิยมใช้มากที่สุด เพราะหาซื้อได้ง่าย ราคาถูก แต่ถ้าผ่านระยะเวลายาวนาน ลินสีดจะค่อยๆ เปลี่ยนสภาพจากเคลือบใส กลายเป็นสีเหลือง และสีน้ำตาลไหม้ในที่สุด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะใช้ระยะเวลานานหลายสิบปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำมันลินสีด

เรื่องที่1การเขียนภาพสีน้ำ (Colour Painting)

การวาดภาพด้วยสีนํ้า( WATER COLOUR PAINTING )สีนํ้าเป็นสีชนิดที่ใช้ผงสีที่บทอย่างละเอียดผสมกับการ ( Gum Arabic )เป็นการที่มีคุณสมบัติละลายนํ้าได้ง่ายเมื่อเเห้งเเล้วจะเกาะติดกับกระดาษ